วันศุกร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2555

สบู่ที่ควรเลี่ยง

         


สบู่ที่ควรเลี่ยง (Lisa)

          สบู่เป็นผู้ช่วยในการทำความสะอาดผิวกายที่นิยมใช้มากที่สุด มีมากมายหลายชนิดให้เลือกใช้จนคุณอาจเลือกไม่ถูก วิธีการง่ายๆ ก็คือ เลือกสบู่แบบเรียบง่ายที่สุด สบู่หรูหราราคาแพงและมีประสิทธิภาพล้นเหลือ ที่จริงแล้วไม่ได้ดีต่อผิวของคุณมากไปกว่าสบู่ธรรมดาๆ ราคาถูก แถมยังอาจทำร้ายผิวคุณได้ สบู่สองชนิดที่คุณไม่จำเป็นต้องใช้และควรหลีกเลี่ยงก็คือ
          • สบู่ระงับกลิ่นกาย สบู่ชนิดนี้มักมีส่วนผสมของสารเคมีซึ่งสามารถทำให้ผิวแห้งได้ และสบู่ปกติก็สามารถขจัดกลิ่นกายได้อยู่แล้ว

          • สบู่ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ผู้ที่ควรใช้สบู่ชนิดนี้ก็คือ แพทย์ ครูในโรงเรียนอนุบาลและคนที่เป็นสิวที่หลังอย่างรุนแรง ซึ่งสบู่ปกติก็ช่วยให้คุณสะอาด และปลอดจากแบคทีเรียได้เช่นกัน
ที่มา : www.kapok.com
 

ทำไม นิทาน จึงชอบขึ้นต้นด้วย กาลครั้งหนึ่ง ณ...

"กาลครั้งหนึ่ง ณ กรุงพาราณสี..."
"ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในเมืองตักกสิลา..."

เวลาที่บอกนั้น ไม่เจาะจงว่านานมาแล้วเพียงใดหรืออยู่ในสมัยใด เพียงแต่บอกให้รู้ว่าเป็นเรื่องที่เกิดไกลตัว ไม่ใช่เรื่องที่ผู้ฟังหรือแม้แต่ผู้เล่ามีโอกาสได้ประสบมาเอง
ในนิทานตะวันตกใช้คำว่า "Once upon a time..."
ในนิทานอินเดียใช้คำว่า "กทาจิตฺ" ซึ่งมีความหมายเดียวกัน

นิทานชาดกก็ใช้ฉากบอกเวลาที่ไม่เจาะจง เช่น "อตีเต กาเล..." (ในเวลาอดีต) แม้ในอรรถกถาจะแบ่งให้เจาะจงลงไปว่าเป็นเรื่องดั้งเดิมในกาลไกล (ทูเรนิทาน)
เรื่องดั้งเดิมในกาลไม่ไกล (อวิทูเรนิทาน) หรือเรื่องระหว่างพุทธกาล (สันติเกนิทาน) ก็ยังนับว่าทุกเรื่อง "ไกล" จากยุคสมัยของผู้เล่าและผู้ฟังนิทานอยู่ดี
ขอบคุณเนื้อหาจาก..ศาสตราจารย์ ดร.กุสุมา รักษมณี (ภาควิชาภาษาตะวันออก คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร)

ที่มา : www.teenee.com
 

กลิ่นมะนาวช่วยลด"เครียด"


        อโรมาเทอราปี (Aromatherapy) เป็นศาสตร์ของการใช้ "กลิ่นระเหย" มาช่วยดูแลสุขภาพ ในรูปของน้ำมันระเหยที่สกัดออกมาอย่างเข้มข้น ใช้ได้ทั้งเพื่อความงาม ในรูปของเครื่องสำอาง ใช้เพื่อสุขภาพ และใช้เพื่อพิธีกรรม โดยเฉพาะเพื่อความงาม ใช้เป็นน้ำมันหอมระเหยมีคุณสมบัติในการฟื้นฟูเซลล์ผิว การขับสารพิษ การระงับเชื้อ ฯลฯ เราสามารถใช้เพื่อรักษาความอ่อนเยาว์ของผิวพรรณ ซ่อมแซมรอยแผล แต้มสิว บำรุงผม หรือการลดริ้วรอยความเหี่ยวย่น โดยใช้ในรูปแบบของโลชั่น น้ำมันนวด สบู่อาบน้ำ หรือแชมพู การใช้เพื่อสุขภาพ ด้วยคุณสมบัติของการคลายกล้ามเนื้อ ลดความเจ็บปวด การฆ่าเชื้อ ฯลฯ เราสามารถนำน้ำมันหอมระเหยมาใช้ลดอาการหรือช่วยบำรุงสุขภาพเราได้ทั้งทางกายและทางใจ โดยเฉพาะปัญหาที่เกิดจากความเครียด ซึ่งยาเคมีสังเคราะห์มีผลข้างเคียงสูง ขณะที่น้ำมันหอมระเหยเป็นสารธรรมชาติ มีการตกค้างและผลข้างเคียงที่น้อยกว่าหรือไม่มีเลย ทำและใช้กันมาตั้งแต่โบราณกาลทีเดียว
   ยิ่ง "มะนาว" นักวิทยาศาสตร์และการแพทย์ศึกษาแล้วพบว่า กลิ่นของมะนาว โดยเฉพาะจากเปลือก ช่วยลดความเครียดได้ เป็นการใช้กลิ่นหอมทดแทนการใช้ยา น้ำมันหอมระเหยกลิ่นมะนาวนี้ มีฤทธิ์ต่อระบบต่างๆ ผ่านทางผิวหนัง ช่วยระงับเชื้อจากบาดแผล แมลงกัดต่อย ฯลฯ รวมถึงกลิ่นมะนาวยังช่วยลดความดันโลหิตอีกด้วย

 ที่มา : www.teenee.com



เทคนิคลด“ความประหม่า-เขินอาย”


ลองเปลี่ยนความคิดบางอย่าง! พร้อมใช้ “กิจกรรมประจำวัน” ช่วยฝึกสร้างความมั่นใจ!

หลายคนคงเคยเกิดความประหม่า หรือ เขินอาย ไม่ค่อยกล้าที่จะแสดงออกเมื่อต้องเข้าสังคม หรือ อยู่ท่ามกลางผู้คนจำนวนมาก จนบ่อยครั้งทำให้เสียโอกาสในหลาย ๆ เรื่องไปอย่างน่าเสียดาย ซึ่งสาเหตุหลักมักเกิดจาก “ความไม่ค่อยมั่นใจ และกลัวการถูกจับจ้อง”

สำหรับเทคนิคช่วยลดความประหม่า และเขินอายนั้น สามารถพัฒนาได้ อย่าง “การพูดคุยทักทายกับเพื่อนบ้าน เพื่อนในห้องเรียน หรือ สมาชิกในที่ทำงานคนใหม่ ๆ” โดยอาจเริ่มจากบทสนทนาเกี่ยวกับเรื่องทั่ว ๆ ไป เช่น สภาพอากาศ สภาพแวดล้อม หรือ ข่าวสารปัจจุบัน นอกจากจะเป็นการผูกมิตรแล้ว ยังช่วยสร้างความกล้า และความมั่นใจในทางที่เหมาะสม

รวมทั้ง การเป็น “คนแถวหน้า” ก็ช่วยฝึกสร้างความเชื่อมั่นในตัวเองได้ดี อย่าง ในการประชุม งานสัมมนา หรือ ฟังเสวนาต่าง ๆ ลองเปลี่ยนจากการนั่งแถวหลังเขยิบเข้ามานั่งในแถวหน้า ๆ ไม่ต้องกังวลกลัวเป็นเป้าสายตา เพราะสุดท้ายแล้วความสนใจส่วนใหญ่ก็จะถูกมุ่งไปยังเวที ซึ่งการนั่งในโซนหน้านั้น ยังทำให้เข้าใจ และเห็นสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ชัดเจนขึ้นด้วย

แต่หากต้องพูดในที่สาธารณะ “การลองซ้อมพูดหน้ากระจกก่อน” 
จะช่วยสร้างความเข้าใจในเนื้อหาเบื้องต้น โดยระหว่างนั้น อาจบันทึกวีดีโอไว้สำรวจบุคลิกภาพโดยรวม ตรวจดูข้อบกพร่องของความช้า-เร็วในการพูด น้ำเสียง สีหน้า แววตา รอยยิ้ม การยืน ตลอดจนการใช้ภาษากาย เพื่อพัฒนาได้ตรงจุด ซึ่งความคุ้นเคยดังกล่าว จะทำให้ไม่ประหม่าเกินไป รวมทั้ง การหายใจเข้าลึก ๆ และหายใจออกช้า ๆ ช่วยเพิ่มปริมาณออกซิเจนในเลือด คลายความวิตก-อึดอัดได้ดีเช่นกัน

“ความประหม่า และเขินอาย” ส่วนใหญ่มักเกิดจากความกังวล ลองเปลี่ยนความคิด “โดยเชื่อมั่นว่า ตัวเองต้องทำได้” พร้อมพัฒนาทักษะการเข้าสังคมที่ยังบกพร่องอีกสักหน่อย เชื่อว่า จะสามารถผ่านไปได้ในที่สุด.
ที่มา : www.teenee.com
 

5 อันดับมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศ


ที่สุดในไทยพามาทำความรู้จักกับ 5 อันดับมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย

มหาวิทยาลัยถือเป็นแหล่งศึกษาหาความรู้เพื่อพัฒนาคนให้กลายเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ จะทำให้ทุกคนรู้ว่ามหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุด 5 อันดับแรก ที่อยู่คู่ประเทศไทย และสร้างบุคคลากรชั้นยอดให้กับสายงานต่างๆมาอย่างยาวนานมีที่ใดบ้าง

เริ่มจากอันดับ 1 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ สถาปนา โรงเรียนข้าราชการพลเรือนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขึ้นเป็น " จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย "เมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2459 เป็น มหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศไทย โดยเริ่มแรกมีการจัดตั้ง 4 คณะ ได้แก่ คณะรัฐประศาสนศาสตร์ ) คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์ และคณะแพทยศาสตร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ( คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ในปัจจุบัน)

สำหรับอันดับที่ 2 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศาสตราจารย์ ดร.ปรีดี พนมยงค์ ริเริ่มก่อตั้ง "มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง (มธก.)" ขึ้น เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2477 เป็นมหาวิทยาลัยเปิดแห่งแรกของประเทศไทย โดยเปิดวิชาที่สอนเริ่มแรก 2 หลักสูตรคือ หลักสูตรธรรมศาสตร์บัณฑิต ซึ่งสอนวิชากฎหมายเป็นหลัก และ วิชาการบัญชี ต่อมาถูกเปลี่ยนชื่อเป็น " มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์" เป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ผูกพันกับพัฒนาการทางการเมือง และความเป็นไปของชาติ ตลอดจนเรื่องของรัฐธรรมนูญและประชาธิปไตย

ส่วนมหาวิทยาลัยที่มีความเก่าแก่เป็นอันดับ 3 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เริ่มต้นจาก โรงเรียนช่างไหม ได้รับการพัฒนาการเรียนการสอนจนสถาปนาขึ้นเป็น "มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ " เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2486 เป็นมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนทางด้านการเกษตรแห่งแรกของไทย โดยมีคณะเกษตรศาสตร์ คณะการประมง คณะวนศาสตร์ และคณะสหกรณ์ ในการตั้งครั้งแรก ซึ่งในปัจจุบันคือ คณะเกษตร คณะประมง คณะวนศาสตร์ คณะบริหารธุรกิจ และ คณะเศรษฐศาสตร์ และมีอีกหลากหลายคณะเพิ่มขึ้นตามมา

อันดับที่ 4 ได้แก่ มหาวิทยาลัยมหิดล มีการแยกคณะแพทยศาสตร์และศิริราชพยาบาล คณะทันตแพทยศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ และคณะสัตวแพทยศาสตร์ ออกจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาตั้งเป็น "มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์" เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2486 ต่อมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนาม มหิดล เป็นชื่อมหาวิทยาลัยใหม่ ว่า " มหาวิทยาลัยมหิดล "

ปิดท้ายด้วยอันดับที่ 5 มหาวิทยาลัยศิลปากร จาก โรงเรียนปราณีตศิลปกรรม ในรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่7 ได้พัฒนาขึ้นเป็นลำดับจนเป็น โรงเรียนศิลปากรจากนั้น พระยาอนุมานราชธนร่วมกับศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี พัฒนาหลักสูตรจนได้รับการยกฐานะขึ้นเป็น มหาวิทยาลัยศิลปากร เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2486 เพื่อเป็นสถาบันอุดมศึกษาขั้นสูงทางศิลปะของชาติ โดยมีคณะจิตรกรรมและประติมากรรม เป็นคณะวิชาแรก (ปัจจุบันคือคณะจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์)

ที่มา : www.teenee.com
 

สัญญาณเตือน เมื่อทานอาหารไม่ถูกสุขลักษณะ

กินอะไร ได้อย่างนั้น... คงไม่ไกลเกินจริง เมื่อสิ่งที่คุณทาน จะเป็นตัวบ่งชี้สุขภาพร่างกายโดยรวมได้
1. ผมไม่เงางาม
ถ้าถึงขนาดที่คุณจัดทรงไม่ได้เลยต้องถือว่ารุนแรงแล้วค่ะ ทั้งนี้เป็นผลจากการขาดโปรตีนและธาตุเหล็ก จะเห็นชัดเจนในกลุ่มคนที่เป็นมังสวิรัติ หรือคนที่จำกัดอาหารอย่างมาก ลองกินอาหารให้มีส่วนผสมของธาตุอาหารอย่างเหมาะสม เน้นอาหารที่มีกากใย พร้อมไปกับการออกกำลังกาย
สำหรับคนที่เป็นมังสวิรัติต้องได้สารอาหารจากพืชผัก ข้าวและถั่ว ในอัตราส่วนที่เหมาะสม เพื่อที่จะได้โปรตีนทดแทนจากโปรตีนจากเนื้อสัตว์ที่ขาดไป และเพิ่มเติมด้วย กะหล่ำดอกและผลไม้เปลือกแข็ง เช่น เกาลัด ถั่วแขกและถั่วเหลือง ซึ่งอุดมไปด้วยไบโอติน สำหรับคนที่จำกัดอาหาร แม้ว่าจะอยากผอมแค่ไหนก็ไม่ควรอดอาหารจนเกินไปค่ะ ลองใช้วิธีฉลาด ๆ จำกัดอาหารแต่พอเพียง เพิ่มการออกกำลังกายอีกหน่อย

2. ผิวหนังส่ออาการ
คุณเริ่มมีอาการคันที่ผิวหนัง หรือลอกเป็นขุย แม้จะไม่ใช่ช่วงหน้าหนาวบ้างไหมคะ
อาการอย่างนี้อาจเป็นลักษณะของการขาดวิตามิน A ซึ่งผักและผลไม้ที่มีสีเหลือง สีส้มหรือสีเขียวเข้ม ล้วนแต่อุดมไปด้วยวิตามิน A เพียงพอที่จะทำให้ผิวคุณเป็นปกติ แต่ไม่แนะนำให้กินวิตามิน A เสริมที่อยู่ในรูปแบบเม็ด เพราะการได้รับวิตามิน A โดยตรงมากเกินไปจะเป็นอันตรายได้ค่ะ

3. ข้อต่อมีเสียงดัง หรือปวดบริเวณข้อต่อ
อาการอย่างนี้อย่าเพิ่งไปโทษโรคข้ออักเสบ เพราะอาจเป็นไปได้ว่าคุณกินปลาน้อยเกินไป กรดไขมันประเภทโอเมก้า-3 ที่พบมากในปลา อย่างปลาแซลมอน ปลาทูน่า จะทำให้ข้อต่อของคุณเคลื่อนไหวได้สะดวกขึ้น ซึ่งจะช่วยให้กระแสโลหิตไหลเวียนดีขึ้น ลดอาการบวมและปวดบริเวณข้อต่อ

4. ผายลมบ่อย
เป็นเรื่องจริงที่ไฟเบอร์มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ถ้ากินมากเกินไปหรือได้รับสารอาหารประเภทนี้เร็วเกินไป เช่น กินถั่วหรือไม้จำพวกที่มีฝัก เช่น กระถิน ทองหลาง ร่างกายของคุณก็จะผลิตแก๊สตามออกมามากกว่าอาหารที่ย่อยง่ายตามปกติ

5. ท้องผูก
เป็นอีกอาการหนึ่งที่บอกถึงการรับประมาณอาหารอย่างไม่เหมาะสม คุณต้องได้สารอาหารพวกไฟเบอร์หรือกาหารที่มีกากใย เช่น ผักผลไม้ต่างๆ อย่างน้อยวันละ 25 กรัม และดื่มน้ำให้มากขึ้นด้วยวิธีแก้ปัญหานี้ง่าย ๆ คือ ค่อย ๆ เพิ่มสารอาหารพวกไฟเบอร์อย่างช้าๆ ถ้าคุณเคยกินแค่เพียงวันละ 10 กรัม อย่าเพิ่มเป็น 25 กรัมในวันรุ่งขึ้น ในสัปดาห์แรกเพิ่มแค่เพียง 5 กรัม แล้วสัปดาห์ต่อมาค่อยเพิ่มอีก 5 กรัม

6. หัวใจเต้นผิดปกติ
หัวใจของคนเราเป็นกล้ามเนื้อที่มีการบีบตัว มากกว่า 100,000 ครั้งต่อวัน แต่คงไม่สามารถทำงานอย่างสมบูรณ์แบบได้ตลอดเวลา ซึ่งถ้าอยู่ ๆ คุณรู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วกว่าปกติหรือเต้นๆ หยุดๆ โดนไม่มีเหตุผล ถ้ามีอาการเจ็บปวดหรือหน้ามืด เวียนศีรษะด้วย ให้รีบไปพบแพทย์ทันที
แต่ถ้าแพทย์พบว่าไม่มีอะไรผิดปกติ แต่คุณก็ยังรู้สึกว่ามีอาการหัวใจเต้นผิดปกติในบางครั้ง คุณอาจจะขาดสารอาหารพวกแมกนีเซียม หรือ โปแตสเซียมสำหรับโปแตสเซียม ให้ดื่มน้ำส้มวันละ 2-3 แก้ว ช่วงอาหารเช้าให้เพิ่มกล้วยเข้าไปในส่วนหนึ่งของเมนู สำหรับแมกนีเซียมให้ทานอาหารว่างที่เป็นพวกเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เมล็ดทานตะวัน หรือเมล็ดฟักทองและผักโขม เป็นอีกตัวหนึ่งที่มีแร่ธาตุช่วยในการทำงานของหัวใจ

7. ขี้ลืม
อาจเป็นได้ว่าคุณขาดวิตามิน B ในการศึกษาที่ USDA Human Nutrition Research Center in Boston นักวิจัยพบว่าผู้ชายที่มีระดับของวิตามิน B6 B12 และ B9(โฟเลต) สูงในเลือด จะมีความทรงจำที่ดีกว่า
จากการทดสอบพบว่าสารอาหารพวกนี้ช่วยให้สมองทำงานได้เต็มที่ และยังช่วยควบคุม homocysteine ซึ่งเป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่อยู่ในร่างกาย ซึ่งเป็นตัวขัดขวางการที่เลือดจะไปหล่อเลี้ยงสมอง ถั่วเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน B6 และโฟเลตมากที่สุด และไม่ต้องกังวลกับการขาดวิตามิน B12 เพราะมีมากในเนื้อสัตว์และอาหารทะเล

8. Sperm น้อยลงไปมาก
ถ้าคุณกำลังพยายามที่จะมีลูก และมีปัญหาเรื่องระดับของสเปิร์มต่ำกว่าปกติ อาจเป็นไปได้ว่าคุณขาดวิตามิน C ซึ่งเป็นตัวสำคัญในการกระตุ้มการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย
จากการศึกษาพบว่าวิตามิน C ยังช่วยในการรักษาปริมาณและความสมบูรณ์ของตัวสเปิร์มด้วย Earl Dawson, Ph.D., ที่ University of Texas Medical Branch ที่ Galveston แนะนำว่าให้ผู้ชายดื่มน้ำส้มอย่างน้อยวันละประมาณ 1 ลิตรทุกวัน โดยบอกว่าวิตามิน C มีส่วนช่วยป้องกันสเปิร์มจากอันตรายและความเสียหายในทุกๆ ด้าน

9. ปวดเหงือก
ถ้าการเจ็บปวดเกิดจากการอักเสบ ก่อให้เกิดความเจ็บปวดและปัญหาของเหงือก แสดงว่าปากของคุณกำลังต้องการแบคทีเรียที่มีประโยชน์ ให้มาช่วยจัดการกับแบคทีเรียในปากที่มีอันตราย ให้กินโยเกิร์ตที่มีแบคทีเรียที่เราต้องการเป็นอาหารว่างในช่วงเช้าของทุกวัน
10. กระดูกแตก
ถ้าคุณกระดูกแตกมากกว่า 2-3 ครั้งตั้งแต่โตเป็นผู้ใหญ่ อาจเป็นไปได้ว่ากระดูกของคุณอยู่ในภาวะอ่อนแอ อาจมีสาเหตุมากจากการขาดวิตามิน D และแคลเซียม ซึ่งเป็นตัวประกอบที่สำคัญในการสร้างกระดูก ผู้ชายก็ต้องการแคลเซียมมากเหมือนๆ ผู้หญิง เพราะผู้ชายมักจะกินเนื้อมากกว่า ซึ่งอุดมไปด้วยฟอสฟอรัส ยิ่งร่างกายได้รับฟอสฟอรัสมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องการแคลเซียมมากขึ้นเท่านั้น อาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซียม ได้แก่ ปลาเล็กปลาน้อย กุ้งแห้ง โยเกิร์ต นมและเนยแข็ง (ไขมันต่ำได้ก็ดี) ลองสังเกตร่างกายตัวเองบ่อยๆ นะคะ เพราะอย่างไรเสีย หากเราดูแลตัวเองได้ดีก็ไม่ต้องถึงมือคุณหมอให้ยุ่งยากเปล่าๆ ไหนจะเสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลาด้วย ไม่คุ้มกันแน่ๆ
ขอบคุณ สภากาชาดไทย

ที่มา : www.teenee.com
 
 

ปรับฮวงจุ้ยห้องครัวเสริมพลังดี ๆ ให้บ้าน

ปรับฮวงจุ้ยห้องครัวเสริมพลังดี ๆ ให้บ้าน

ปรับฮวงจุ้ยห้องครัวเสริมพลังดี ๆ ให้บ้าน

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          การจัดและตกแต่งบ้านที่จะช่วยส่งเสริมให้ผู้อยู่อาศัยมีความสุขกายสบายใจนั้น ไม่ใช่เพียงการเลือกตกแต่งภายในห้องต่าง ๆ ให้สวยงามเพียงอย่างเดียว หลายคนเชื่อว่าการตกแต่งบ้านตามหลักฮวงจุ้ยที่ดี จะช่วยทำให้ผู้อยู่อาศัยมีโชคมีลาภและมีพลังขับเคลื่อนที่ดียิ่งขึ้น ดังนั้นหลายคนจึงนิยมตกแต่งบ้านตามหลักฮวงจุ้ย ซึ่งแน่นอนว่าห้องครัวก็เป็นอีกห้องหนึ่งที่มีพลังธาตุไฟอยู่ตลอดเวลา จากการทำครัวและเตาแก๊ส ดังนั้นการตกแต่งฮวงจุ้ยห้องครัวให้ถูกหลักก็จะทำให้ห้องครัวของคุณช่วยเสริมพลังดี ๆ ให้กับบ้านได้ไม่แพ้ห้องอื่น ๆ

          กระปุกดอทคอมจึงรวบรวมข้อมูลของการจัดตกแต่งห้องครัวตามหลักฮวงจุ้ยมาฝากคุณกันค่ะ ลองทำตามเทคนิคต่าง ๆ  เหล่านี้ เผื่อฮวงจุ้ยห้องครัวจะช่วยเสริมพลังดี ๆ ให้กับบ้านของคุณได้บ้างนะคะ
 ปรับฮวงจุ้ยห้องครัวเสริมพลังดี ๆ ให้บ้าน
1. ตำแหน่งของห้องครัว

          ห้องครัวที่ดีตามหลักฮวงจุ้ย ควรจะอยู่ในบริเวณด้านหลังของบ้าน เพื่อเป็นการลดกลิ่นควันจากการทำอาหารไม่ให้ลอยไปยังบริเวณอื่นทั่วบ้าน อีกทั้งตามฮวงจุ้ยห้องครัวนั้นห้ามไม่ให้ห้องครัวสามารถมองเห็นได้โดยตรงจากทางเข้าบ้าน เพราะหากเดินเข้าบ้านมาแล้วจะปะทะกับธาตุไฟโดยตรง ทำให้ร้อนรุ่มกระวนกระวายใจ นอกจากนี้ตำแหน่งของห้องครัวยังไม่ควรตรงกับห้องนอนในชั้นบนอีกด้วย เพราะจะทำให้ผู้ที่พักผ่อนในห้องนอนดังกล่าวได้รับพลังจากธาตุไฟมาเกินไป วิธีแก้คือให้ติดฉนวนกันความร้อนในฝ้าเพดาน ก็จะช่วยลดพลังไม่ดีจากธาตุไฟที่มากเกินไปได้

 
ปรับฮวงจุ้ยห้องครัวเสริมพลังดี ๆ ให้บ้าน 
 2. ตำแหน่งของเตาไฟ

          การจัดวางเตาไฟสำหรับทำอาหารตามฮวงจุ้ยห้องครัวนั้น ไม่ควรจัดวางไว้ตรงกลาง เนื่องจากพลังร้ายจะส่งผลให้คนในบ้านเจ็บป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจได้ นอกจากนี้ตำแหน่งของเตาไฟยังไม่ควรอยู่ตรงข้ามกับอ่างล้างจานอีกด้วย เนื่องจากพลังจากธาตุไฟของเตาไฟ และพลังจากธาตุน้ำของอ่างล้างจานจะปะทะกันโดยตรง ทำให้ผู้ที่ชอบเข้าครัวมีอารมณ์ฉุนเฉียวและโมโหง่าย อีกทั้งยังทำให้มีสุขภาพไม่ดีอีกด้วย แต่ก็สามารถแก้ปัญหาได้โดยการเอาฉากมากั้นไว้ไม่ให้ปะทะกันโดยตรง ซึ่งเตาไฟและอ่างล้างจานสามารถอยู่ฝั่งเดียวกันได้แต่ต้องไม่ติดกัน หากบ้านไหนที่มีเตาไฟและอ่างล้างจานติดกันให้แก้ปัญหาด้วยการนำต้นไม้แช่น้ำมาวางคั่นไว้ นอกจากนี้หากสามารถวางเตาไฟ อ่างล้างจาน และตู้เย็น ให้ทำมุมกันเป็นสามเหลี่ยมได้ จะยิ่งช่วยเสริมให้ห้องครัวของคุณมีพลังบวกหมุนเวียนมากขึ้นด้วย

ปรับฮวงจุ้ยห้องครัวเสริมพลังดี ๆ ให้บ้าน 
3. แสงและการถ่ายเท

          ฮวงจุ้ยห้องครัวที่ดีนั้น ควรเปิดโล่งให้มีแสงสว่างมากพอ และมีอากาศถ่ายเทมากที่สุด หากการถ่ายเทและแสงสว่างไม่ดีพอ จะทำให้ผู้อยู่อาศัยเจ็บป่วยอยู่เป็นประจำ อีกทั้งหน้าที่การงานก็จะไม่เจริญก้าวหน้าด้วย แต่ประตูหน้าต่างของห้องครัวก็ไม่ควรเปิดโล่งทุกด้าน เนื่องจากจะทำให้ไม่มีที่กักเก็บพลังชี่นั่นเอง อีกทั้งยังห้ามมีประตูทางเข้าและทางออกที่ตรงกัน เพราะจะทำให้เป็นอัปมงคลรับสิ่งชั่วร้ายเข้ามาได้ง่าย ส่วนเงินทองที่ทำมาหาได้ก็จะไหลออกหมด แต่ถ้าหากห้องครัวของคุณไม่มีหน้าต่างเปิดโล่ง ก็ควรติดไฟให้มีแสงสว่างมากเพียงพอ ไม่ให้ห้องครัวมืดมากจนเกินไป

 
 ปรับฮวงจุ้ยห้องครัวเสริมพลังดี ๆ ให้บ้าน
 4. สีของห้องครัว

          ลองใช้สีเหลืองในการตกแต่งห้องครัว จะช่วยเสริมให้การย่อยอาหารทำได้ดีขึ้น อีกทั้งสีเหลืองยังเป็นพลังบวกที่จะเพิ่มความสดใสแข็งแรงให้กับผู้อยู่อาศัยอีกด้วย ทั้งนี้หากคุณไม่ต้องการเปลี่ยนห้องครัวของคุณให้เป็นสีเหลือง วิธีการปรับง่าย ๆ ก็เพียงแค่เลือกใช้หลอดไฟสีเหลืองมาเสริมสักดวงสองดวง เพื่อเป็นเคล็ดเพิ่มพลังบวกทางด้านสุขภาพของคุณให้แข็งแรงยิ่งขึ้น หากใครชอบความเรียบง่ายก็สามารถใช้สีขาวหรือสีโทนอ่อนตกแต่งห้องครัวของคุณเพื่อเสริมฮวงจุ้ยได้เข่นกัน แต่ควรงดใช้สีดำ และสีน้ำเงิน เนื่องจากจะทำให้ธุรกิจและหน้าที่การงานของคุณไม่ประสบความสำเร็จ อีกทั้งยังทำมาค้าขายไม่ขึ้นด้วย

ปรับฮวงจุ้ยห้องครัวเสริมพลังดี ๆ ให้บ้าน 
 5. พื้นห้องครัว

          ควรปรับให้พื้นห้องครัวของคุณอยู่ต่ำกว่าพื้นบ้านเล็กน้อย เพื่อให้พลังชี่หมุนเวียนอยู่ภายในห้องครัว อีกทั้งยังเป็นการป้องกันธาตุไฟจากห้องครัวไหลออกมาสู่ห้องอื่น ๆ ภายในตัวบ้าน ซึ่งจะทำให้เกิดความร้อนรุ่ม และความกังวลใจให้กับสมาชิกในบ้านได้ หากห้องครัวของคุณมีพื้นระดับเดียวกับตัวบ้าน ให้กั้นธรณีประตูเพื่อเป็นการแก้ฮวงจุ้ยห้องครัวให้เหมาะสม ธรณีประตูจะช่วยกั้นพลังต่าง ๆ ไม่ให้ไหลออกจากห้องครัวได้นั่นเอง

ปรับฮวงจุ้ยห้องครัวเสริมพลังดี ๆ ให้บ้าน
 6. มุมอับในห้องครัว

          หากในห้องครัวมีพื้นที่เล็ก ๆ เหลืออยู่ และไม่สามารถใช้ประโยชน์อะไรได้ ในทางศาสตร์ของฮวงจุ้ยนั้นถือเป็นพื้นที่ไม่ดี ไม่ควรปล่อยเอาไว้ ดังนั้นคุณควรแก้ไขโดยการติดกระจกที่บริเวณนั้น หรือเยื้องกับกับเตาแก๊สเพื่อทำให้พื้นที่บริเวณนั้น ดูกว้างขึ้น หรือจะเลือกแขวนกระจกไว้ด้านตรงข้ามกับประตูก็ได้ และที่ประตูทางเข้าก็นำต้นไม้ หรือระฆังขนาดพอดี ๆ มาแขวนไว้ จะส่งเสริมให้พลังชี่หมุนเวียนได้ดีขึ้น ส่งผลให้คนในบ้านอยู่กันอย่างมีความสุข 
ปรับฮวงจุ้ยห้องครัวเสริมพลังดี ๆ ให้บ้าน
 7. อาหาร
          นอกจากตำแหน่งต่าง ๆ ในห้องครัว อาหารก็เป็นเรื่องสำคัญ นอกจากจะส่งเสริมสุขภาพของคุณแล้ว การเลือกอาหารยังส่งเสริมเรื่องฮวงจุ้ยด้วยเช่นกัน เพราะหากภายในห้องครัวมีอาหารหมดอายุ หรืออาหารที่ไม่มีคุณภาพ จะทำให้คนในครอบครัวเจอกับความผิดหวัง หรือโชคร้าย อาหารที่ดีจะนำโชคลาภ และพลังชี่มาสู่ครอบครัวของคุณ ซึ่งพลังชี่จะช่วยกระตุ้นจิตวิญญาณของการทำอาหาร เมื่อรับประทานอาหารเข้าไป พลังเหล่านั้นก็จะนำสิ่งดี ๆ มาสู่ชีวิตของคุณและคนในครอบครัว โดยเฉพาะของสด เช่น ผลไม้สด หรือผักสด เชื่อว่าเป็นแหล่งสะสมพลังงานชั้นดีเลยทีเดียว


         
รู้จักหลักการจัดฮวงจุ้ยห้องครัวที่ถูกหลักไปแล้ว ลองพิจารณาตามความเชื่อของคุณดูนะคะว่าการตกแต่งห้องครัวตามหลักฮวงจุ้ยนั้นจะช่วยเสริมพลังต่าง ๆ ให้กับคุณได้จริงหรือไม่ และหากไม่เป็นการลำบากมากเกินไป จะลองทำตามหลักฮวงจุ้ยห้องครัวเหล่านี้ดูก็ไม่ว่ากัน เผื่อจะเป็นการเสริมความสบายใจของคุณให้มากขึ้นนะคะ
ที่มา : www.kapook.com

ห้องนอนสีเขียว-ฟ้า สำหรับคนชอบความสดใส


ห้องนอนสีเขียว-ฟ้า สำหรับคนชอบความสดใส

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก  nevillejohnson.co.uk
          จะตกแต่งห้องนอนทั้งทีคงต้องใช้เวลาในการเก็บข้อมูลห้องนอนที่สวยถูกใจกันหน่อย หลายคนจึงยังตัดสินใจไม่ได้ ว่าจะใช้ธีมไหนมาตกแต่งห้องนอนของตัวเองดีนะ? ถ้าอย่างนั้นลองเก็บห้องนอนสีสดใส อย่างสีเขียว-ฟ้า ไว้เป็นตัวเลือกดูสักหน่อยไหมคะ เพราะเป็นห้องนอนที่ดูมีชีวิตชีวาและทำให้บรรยากาศสดชื่นขึ้นมากเลยล่ะ
          ห้องนอนห้องนี้ถูกตกแต่งด้วยธีมเขียว-ฟ้าเป็นหลัก และผสมเฟอร์นิเจอร์ไม้เข้าไปให้ดูกลมกลืน โดยผนังของห้องใช้สีเขียวอ่อน และปูพื้นด้วยพรมสีเบจเพื่อให้ห้องดูมีมิติ ขณะที่ตู้เสื้อผ้าบานใหญ่ก็บิวท์อินให้เข้ามุมด้วยไม้สีอ่อนใกล้เคียงกับสีพรม รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ชิ้นอื่น ๆ อย่างโต๊ะเครื่องแป้ง ที่นั่งริมหน้าต่าง เตียงนอน และโต๊ะข้างเตียง ก็ทำจากไม้สีเดียวกัน พรมสีเบจที่ดูเรียบเกินไป แก้ไขได้ด้วยการวางพรมผืนเล็กลายวงรีสีน้ำตาลทับอีกชั้นตรงหน้าตู้เสื้อผ้า จะช่วยทำให้มุมแต่งตัวดูเป็นสัดส่วนขึ้น และเสริมลูกเล่นให้กับพื้นได้ด้วย

          ส่วนประกอบสำคัญที่ขาดไม่ได้คือ ชุดเครื่องนอน ผ้าม่าน และหมอนอิง สีเขียว-ฟ้า ที่ช่วยคุมโทนให้ห้องนี้เข้ากันได้อย่างลงตัว เติมของตกแต่งอื่น ๆ ได้ตามใจชอบ แต่ยังเน้นคุมโทนเย็นของสีเขียว-ฟ้าเป็นหลัก ก็ช่วยให้ห้องนอนห้องนี้ดูสดใสอย่างกลมกลืนกันแล้วล่ะ ถ้าหากใครสนใจห้องนอนสีสดใสแบบนี้ล่ะก็ ไปดูตัวอย่างกันได้เลยจ้า ..

ห้องนอนสีเขียว-ฟ้า สำหรับคนชอบความสดใส

ห้องนอนสีเขียว-ฟ้า สำหรับคนชอบความสดใส

ห้องนอนสีเขียว-ฟ้า สำหรับคนชอบความสดใส

ห้องนอนสีเขียว-ฟ้า สำหรับคนชอบความสดใส

ห้องนอนสีเขียว-ฟ้า สำหรับคนชอบความสดใส

ห้องนอนสีเขียว-ฟ้า สำหรับคนชอบความสดใส

ที่มา : www.kapok.com

ทายนิสัยจากสบุูที่ใช้

..ทาย.นิสัย.จากสบู่..ที่ใช้
                       
ชอบใช้สบู่ที่ผสมน้ำหอม สำหรับคนที่ชอบ ใช้สบู่หอมๆ ไม่ว่าจะหอมมากหรือน้อยแค่ไหนก็ตาม ขอเพียงหลังอาบน้ำกลิ่นนั้นก็จะหอมกรุ่นละมุนละไมติดตัว สามารถทายได้เลยว่า เป็นคนที่มีนิสัยประณีต พิถีพิถัน รักความสะดวกสบาย เป็นคนที่มีจินตนาการในเรื่องความรักสูง ชอบดูแลตัวเองให้ดูดีมีเสน่ห์ แต่ขณะเดียวกัน ก็อาจเป็นคนที่มีอารมณ์ปรวนแปร ใจน้อยเก่ง งอนง่ายว่างั้นเถอะ ชอบให้คนเอาอกเอาใจเป็นที่สุด 

     ชอบใช้สบู่ที่สกัดจากพืชพรรณธรรมชาติ ใคร ก็ตามที่ชอบใช้สบู่ที่ทำมา (หรือมีส่วนผสม)จากพืช,ผลไม้,สมุนไพร เช่นสบู่ขมิ้น,สบู่มังคุด,สบู่ว่านหางจระเข้ฯลฯ อะไรทำนองนี้ แสดงว่าเป็นคนที่ชอบตัดสินใจด้วยจัวเอง รักอิสระ บางคนอาจจะอยู่ในกฏเกณฑ์หรือกรอบระเบียบของสังคมแต่ลึกๆแล้วมักมีข้อข่อข้า นขัดแย้งอยู่ร่ำไป เป็นคนที่มใความเป็นตัวของตัวเองสูง แต่ลักษณะการแสดงออกภายนอกกลับดูอ่อนโยน เป็นคนที่มักเห็นอกเห็นใจผู้อื่น รักและไว้ใจคนง่าย 
     ชอบใช้สบู่ราคาแพง แต่ถ้าใครชอบใช้สบู่ซึ่งมียี่ห้อชื่อดัง หรือเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก หรือมีราคาค่อนข้างแพงล่ะก็ แสดงว่าเป็นคนที่ให้ความสนใจกับภาพพจน์ตัวเองสูง มักจะคาดหวังถึงแต่สิ่งที่ดีเลิศ ชอบความรู้สึกว่าตัวเองเป็นหนึ่ง หรือการมีผู้คนชื่นชมสนใจ แต่ในขณะเดียวกัน ก็จะเป็นคนที่มีความพยายามสูง (โดยเฉพาะในสิ่งที่ตัวเองต้องการ) เรียกว่าถ้าหมายปองสิ่งใด ก็จะทำทุกวิถีทางให้ได้สิ่งนั้นมา แต่อีกด้านหนึ่งนั้น เชื่อมั้ยล่ะว่า กลับเป็นคนที่ขาดความมั่นใจอยู่ลึกๆ 
    
ชอบใช้สบู่ยา ส่วนใครที่ชอบใช้สบู่ที่มีส่วนผสมของยา ซึ่งมักจะมีสรรพคุณว่าสามารถกำจัดแบคทีเรียได้ดี หรือระงับกลิ่นกาย,กลิ่นเหงื่อได้อย่างหมดจด จะสาวหรือหนุ่มก็รู้ไว้เลยว่า เนคนที่ให้ความสนใจกับสุขภาพสูง มักชื่นชอบการเล่นกีฬา ชอบการออกกำลังกายเวลาอยู่ในที่ปลอดโปร่งสดชื่นจะรู้สึกมีความสุขมาก... แต่อีก 2 นิสัยเด่นๆก็คือ มักจะเป็นคนที่มีความวิตกกังวลเล็กๆน้อยๆอยู่ในใจ และมีกฏระเบียบบางอย่างเป็นของตัวเอง 

     ชอบใช้สบู่ที่ผสมเครื่องบำรุงผิว แต่ถ้าหากใครเลือกสบู่อาบน้ำสักก้อน ก็ต้องเลือกสบู่ที่มีส่วนผสมของมอยเจอร์ไรเซอร์ หรือผสมวิตามินอันอุดมด้วยคุณค่าบำรุงผิวแล้วล่ะก็ แสดงว่าเป็นคนที่มีนิสัยอ่อนโยน ละเอียดอ่อน มีมิตรไมตรี มักเห็นอกเห็นใจผู้อื่นง่าย ยามรักใครก็จะแสดงออกถึงความอาทรห่วงใยโดยไม่ปิดบัง แต่ในอีกด้านหนึ่งนั้น เห็นอารมณ์อ่อนไหวอย่างนี้เถอะ กลับรักการผจญภัยอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ก็ต้องไม่เสี่ยงอันตรายนะ 
     ชอบใช้สบู่เหลว สำหรับคนที่ชอบใช้สบู่น้ำ หรือสบู่เหลว แน่นอนเลยว่าเป็นคนที่รักสวยรักงาม มักพิถีพิถันกับเรื่องส่วนตัว มีมาตรฐานสูงในการประเมินคุณค่าผู้คนหรือสิ่งของต่างๆอีกทั้งยังเป็นคนที่ เอาจริงเอาจังกับเรื่แองความสะอาดของสิ่งของเครื่องใช้ (และรวมทั้งผู้คนใกล้ชิดด้วย) อีกนิสัยที่โดดเด่นคือ เป็นคนมีน้ำใจ ชอบช่วยเหลือผู้อื่น เกลียดการเอารัดเอาเปรียบ และจะมีปฏิกิริยาสูงมากต่อคนที่เห็นแก่ตัว 

     ชอบใช้สบู่เด็ก ส่วนใครที่ชอบใช้สบู่อ่อนๆ ไม่มีส่วนผสมของหัวน้ำหอมฉุน หรือตัวยาที่มีฤทธิ์ใดๆ หรือที่เรียกว่าสบู่เด็กนั่นแหละ แสดงว่าเป็นคนที่มีความไร้เดียงสาอยู่ในตัว อารมณ์อ่อนไหว ดูเปราะบาง แต่ก็จะสามารถดูแลตัวเองได้ และยังเป็นคนที่ชอบของสวยงามชิ้นเล็กๆน่า รัก กุ๊กกิ๊ก ชอบการสะสมข้าวของที่ตัวเองโปรดปราน แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นคนที่มีความคิดก้าวหน้า และมีความเห็นที่น่าสนใจ 

     ใช้สบู่อะไรก็ได้ สำหรับคนที่ใช้สบู่อะไรก็ได้ ไม่พิถีพิถัน ขอเพียงให้ใช้อาบน้ำสะอาดก็พอใจแล้ว นั่นแสดงว่าเป็นคนเรียบง่าย มีความเข้มแข็งอยู่ในตัวเอง เมื่อเจออุปสรรคปัญหาก็ไม่ย่อท้อง่ายๆแม้จะท้อบ้างก็เป็นในระยะเวลาอันสั้น เป็นคนปรับตัวเก่ง มีความอดทนสูง และค่อนข้างจะใช้เวลาในการตัดสินใจนาน แต่ ในขณะเดียวกันก็มีความคิดบางอย่างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว บุคลิกค่อนข้างจะเฉยชา เหมือนไม่ค่อยกล้าสู้กับใครจริงๆแล้วเป็นเพราะไม่อยากมใรื่องวุ่นวายต่างหาก 

วันพุธที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2555

จิ๊บกับจอย


เรื่อง จิ๊บกับจอย
ภาพโดย นายสันติสุข  เห็มนุช
จำนวนหน้า 13 หน้า
เรื่องย่อ จิ๊บและจอยเป็นฝาแฝดกัน
แต่แฝดสองคนนี้มีนิสัยที่แตกต่างกัน
และด้วยนิสัยที่ต่างกันทำให้ทั้งสองคนมีวิถีชีวิตที่ต่างกัน
มาติดตามอ่านเรื่องราวของจิ๊บและจอยกัน
ได้ที่นิทานเรื่อง จิ๊บกับจอย


















ดาวน์โหลดไฟล์ PDF ได้ที่  http://www.4shared.com/office/gBjGjvH1/___online.html

นางในวรรณคดีไทย

นางในวรรณคดีไทย : มโนราห์ จาก พระสุธน-มโนราห์
1.มโนราห์ จาก พระสุธน-มโนราห์

นางในวรรณคดีไทย : มัทนา จาก มัทนพาธา
2.มัทนา จาก มัทนพาธา
นางในวรรณคดีไทย : อันโดรเมดา  จาก วิวาห์พระสมุทร
3.อันโดรเมดา จาก วิวาห์พระสมุทร
นางในวรรณคดีไทย : ตะเภาทอง จาก ไกรทอง
4. ตะเภาทอง จาก ไกรทอง
นางในวรรณคดีไทย : ไอ่คำ  จาก ผาแดง-นางไอ่
5.ไอ่คำ จาก ผาแดง-นางไอ่
นางในวรรณคดีไทย : เพื่อนพี่แพงน้องสองสมร จาก พระลอ
6. พระเพื่อน พระแพงจาก ลิลิตพระลอ
นางในวรรณคดีไทย : รจนา  จาก สังข์ทอง
7.รจนา จาก สังข์ทอง
นางในวรรณคดีไทย : ศกุนตลา  จาก บทละครรำ ศกุนตลา
8.ศกุนตลา จาก บทละครรำ ศกุนตลา
นางในวรรณคดีไทย : ระเด่นบุษบา จาก อิเหนา
9.ระเด่นบุษบา จาก อิเหนา 
นางในวรรณคดีไทย : ประทุมวดี  จาก ละครนอกเรื่องโสวัต
10.ประทุมวดี จาก ละครนอกเรื่องโสวัต